คลิ๊กเลย
คลิ๊กเลย คลิ๊กเลย

แจกฟรี สติ๊กเกอร์ไลน์ Milky way จาก toyota(shop thai)


แจกฟรี สติ๊กเกอร์ไลน์ Milky way จาก toyota(shop thai) แจกฟรี สติ๊กเกอร์ไลน์ 
Milky way จาก toyota(shop thai)แจกฟรี สติ๊กเกอร์ไลน์ Milky way 
จาก toyota(shop thai)แจกฟรี สติ๊กเกอร์ไลน์ Milky way จาก toyota(shop thai)
แจกฟรี สติ๊กเกอร์ไลน์ Milky way จาก toyota(shop thai)
แจกฟรี สติ๊กเกอร์ไลน์ Milky way จาก toyota(shop thai)แจกฟรี สติ๊กเกอร์ไลน์ Milky way จาก toyota(shop thai)
SHARE

แจก linestickers กิจกรรม 4Day4Gift ที่ประเทศเวียดนาม


ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปมีกิจกรรม 4Day4Gift ที่ประเทศเวียดนามนะครับ 
23.jul.13 แจก Brown & Cony's Secret Date!
24.jul.13 แจก Cony's Happy Work Life
25.jul.13 แจก Moon: Mad Angry Edition
26.jul.13 แจก Sally: Spacial Edition
SHARE

ไมโครซอฟท์ ต้องรับผิดชอบเงิน 900 ล้านเหรียญกับ Surface รุ่น RT


งงกันเลยซิครับงานนี้ว่าบริษัทระดับโลกอย่าง Microsoft จะขาดทุนได้ทั้งๆที่สินทรัพย์ส่วนใหญ่ในช่วงไตรมาสที่ 4 นั้นเพิ่มขึ้นถึง 10 % 19.9 พันล้านเหรียญ ที่ได้มาจากการขายชุดโปรแกรม office 2013 แต่ในมุมมองนักลงทุนกลับไม่ค่อยสดใสเท่าที่ควร
คุณ Brendan Barnicle นักวิเคราะห์จาก Pacific Crest Securities ได้บอกว่าข้อผิดพลาดครั้งใหญ่คราวนี้ของ Microsoft คือไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจริงจังเลย… ก็คงจะจริงแหละครับเพราะว่ามาพักหลังนี้ทาง Microsoft นั้นจับไปซะทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นส่วนของ Hardware และ Software ซึ่งแน่นอนครับโดยธรรมชาติของMicrosoft แล้วผลิตภัณฑ์หลักๆนั้นก็ยังคงเป็นโปรแกรมซะส่วนใหญ่ดังนั้นการก้าวเข้ามาในตลาดอุปกรณ์พกพาจึงเป็นก้าวที่ค่อนข้างจะถือได้ว่าเสี่ยงและท้าทายมากๆเลยทีเดียว
อาทิตย์ที่แล้ว Redmond ก็ได้ประกาศวางแผนการประกาศปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร โดยต้องการยกระดับให้มุ่งเน้นไปที่การบริการและอุปกรณ์ให้มากขึ้น ขณะเดียวกันนาย Steve Ballmer เองก็ได้ออกมาพูดเหมือนกันว่าเราจะให้ Microsoft นั้น มีนวัตกรรมที่ก้าวหน้า มึประสิทธิภาพมากขึ้น
และแน่นอนครับสำหรับ 900 ล้านเหรียญนั้นก็ไม่ได้โดนจากไหนเลยครับ Microsoft นั้นต้องทำการหั่นราคาลดราคาสินค้า Surface RT โดยขาดทุนไปกว่า 900 ล้านเหรียญโดย ราคาเดิมนั้น 32 GB อยู่ที่ 499 เหรียญ และราคา 64 GB นั้นอยู่ที่ 599 เหรียญ ซึ่งถูกหั่นราคาลงเหลือแค่ 349 กับ 449 เหรียญเท่านั้น
และนี้ก็ส่งผลให้หุ้นของ Microsoft นั้นล่วงลงไปถึง 6% เลยทีเดียว
ที่มา : Tech Spot
SHARE

[VPN] Cony: Special Edition James: Specion Edition ประเทศบราซิล





ประเทศบราซิล
Server: 190.239.18.86
User: vpnu
pass: ดูจากในลิ้งวิธีใช้งานFlyvpnนะครับ  

วิธีเชื่อมต่อ vpn ด้วยFlyvpn แบบฟรีๆ (IOS) 
วิธีเชื่อมต่อ vpn ด้วย Flyvpn แบบฟรีๆ (android)



SHARE

DOWNLOAD FREE iOS :แอพ/เกมส์ แจกฟรี ลดราคาเหลือ 0 บาท ประจำวันที่ 21 กรกฏาคม 2013


* ดาวน์โหลดฟรี จำกัดเวลา ทุกแอพพลิเคชั่น  ถ้าเห็นว่าไม่ฟรี แสดงว่ามาไม่ทันช่วงที่เจ้าของโปรแกรมเขาแจกฟรี
iPhone
Universal (ได้ทั้ง iPhone และ iPad)
iPad
ที่มา: Appadvice
SHARE

DOWNLOAD FREE iOS :แอพ/เกมส์ แจกฟรี ลดราคาเหลือ 0 บาท ประจำวันที่ 20 กรกฏาคม 2013

* ดาวน์โหลดฟรี จำกัดเวลา ทุกแอพพลิเคชั่น  ถ้าเห็นว่าไม่ฟรี แสดงว่ามาไม่ทันช่วงที่เจ้าของโปรแกรมเขาแจกฟรี
iPhone
Universal (ได้ทั้ง iPhone และ iPad)
Shiny PartyDownload @
App Store

Shiny Party
Developer: Shiny Things
Price: $1.99
ที่มา: Appadvice
SHARE

[บทความ] มาย้อนดูกันว่าตั้งแต่ iOS 1 ถึง 7 มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง


นับตั้งแต่วันที่ Apple เปิดตัว iPhone รุ่นแรกไปเมื่อต้นปี 2007 จนมาถึงวันนี้ก็ผ่านไปกว่า 6 ปีกว่าแล้ว สิ่งที่มาคู่กับ iPhone นั่นก็คือ iOS ครับ ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา มี iPhone รุ่นใหม่เปิดตัวตลอดทุกปี และแน่นอน iOS เวอร์ชั่นใหม่ก็เปิดตัวทุกปีด้วยเช่นกัน วันนี้เราจะมาย้อนดูกันครับว่า ตั้งแต่ iOS ตัวแรก จนถึง iOS 7 มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหนครับ

OS X iPhone 

dsc_0182
iOS รุ่นแรกเปิดตัวพร้อมกับ iPhone ตัวแรกในงาน Macworld Expo เมื่อเดือนมกราคมปี 2007 ครับ ซึ่งเป็นการเปิดตัวที่ฮือฮามากเลยทีเดียว เพราะสตีฟ จ๊อบส์บอกว่าจะเปิดตัวของ 3 สิ่งได้แก่ iPod จอ widescreen ที่ใช้ระบบสัมผัส, โทรศัพท์มือถือที่ปฏิวัติวงการ และอุปกรณ์เชื่อมต่อ Internet ที่ล้ำหน้ามากๆ แน่นอนว่าในงานนั้นสตีฟจ๊อบไม่ได้เปิดตัวอุปกรณ์ 3 อย่างครับ แต่มันคือ iPhone ที่รวมความสามารถทุกอย่างเข้ามาไว้ในเครื่องเดียวนั่นเอง
มีหลายสิ่งที่ Apple ปฏิวัติวงการมือถือเมื่อเปิดตัว iPhone รุ่นแรกครับ อย่างแรกได้แก่หน้าจอสัมผัสแบบ Capacitive ที่รองรับ Multi-touch ที่จะใช้แทนปุ่มกดทุกอย่าง เมื่อไม่ต้องการพิมพ์คีย์บอร์ดก็จะหายไป แล้วใช้นิ้วจิ้มได้ ไม่ต้องใช้ Stylus อีกต่อไป รวมถึงสามารถใช้หลายนิ้วได้ด้วย เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ 2 นิ้ว ขยาย-หดรูปจนถึงปัจจุบันนี้
อย่างต่อมาคือระบบปฏิบัติการของ iPhone (หรือที่เรียกว่า iOS ในปัจจุบัน) มีพื้นฐานเดียวกันกับ Mac OS X ที่มีประสิทธิภาพสูงอยู่แล้ว โดยสตีฟจ๊อบบอกว่าระบบปฏิการนี้ล้ำสมัยกว่ามือถือในขณะนั้นกว่า 5 ปีเลยทีเดียวครับ
iphone-2
ซึ่งเมื่อลองเล่น iPhone ดูแล้วจะพบว่าระบบ iPhone จะมีความแตกต่างจากมือถือยี่ห้ออื่นในยุคนั้นมากครับ มีการตอบสนองที่ไว การเปลี่ยนหน้าไปหน้าต่างๆ สามารถทำได้ลื่นไหลมาก นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับการเลื่อนหน้าจอที่ไม่ต้องใช้ scroll bar ด้านข้างครับ โดยจะใช้นิ้วปัดหน้าจอขึ้นลงแทน (พูดในสมัยนี้อาจจะดูธรรมดา แต่ในตอนนั้นยังไม่มีโทรศัพท์ค่ายไหนทำนะ)
แอพต่างๆ ที่มาใน iPhone ก็ต่างจากมือถือในยุคนั้นเช่นเดียวกันครับ ไม่ว่าจะเป็น iPod ที่สามารถดู Cover Flow ได้โดยการตะแคงเครื่อง, Photos ที่สามารถใช้นิ้วปัดเพื่อเปลี่ยนรูป และใช้ 2 นิ้วซูมรูปได้ หรือแม้แต่ Safari ที่สามารถดูเว็บแบบเดียวกับบนคอมพิวเตอร์ได้ และใช้ 2 นิ้วซูมเข้าออกได้เช่นกัน
แต่ก็ใช่ว่า iPhone OS รุ่นแรกนี้จะสมบูรณ์ไปทุกอย่างนะครับ ในเวอร์ชั่นแรกนี้ยังขาดความสามารถที่คู่แข่งยี่ห้ออื่นๆ สามารถทำได้เหมือนกัน เช่นการส่ง MMS, Copy Paste ข้อความ, ถ่ายวีดีโอ, ใช้หูฟังบลูทูธแบบสเตอริโอ หรือแม้แต่ลงแอพเพิ่มก็ยังไม่สามารถทำได้ครับ

iPhone Os 2.0

criar-aplicativo-para-o-iPhone
จริงๆ แล้วตั้งแต่เปิดตัว ระบบของ iPhone ก็ยังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการครับ จนมาถึงในเวอร์ชั่นที่ 2 จึงได้มีชื่อเรียกว่า iPhone OS ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้ได้ปฏิวัติการลงแอพบนมือถือครับ  โดยเปิดให้ใช้ทั่วไปเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2008 ในเวอร์ชั่นนี้เปิดให้นักพัฒนาสามารถเขียนแอพบน iPhone ได้แล้ว แต่แทนที่จะให้ต่างคนต่างไปโหลดในเว็บของผู้ผลิตแอพเจ้าต่างๆ แอพเหล่านี้ต้องขายผ่าน App Store ของ Apple เท่านั้นครับ เพื่อที่จะแน่ใจได้ว่าแอพเหล่านี้ได้ผ่านการตรวจสอบจาก Apple แล้วว่าไม่ทำอันตรายเครื่อง หรือไม่แอบเก็บข้อมูลเราไป และที่สำคัญเนื่องจาก iPhone เป็นมือถือที่มีประสิทธิภาพสูงอยู่แล้ว และ iPhone OS สามารถดึงประสิทธิภาพการประมวลผลออกมาได้เต็มที่ บวกกับ iPhone ยังมี Accelerometer ที่จับการเคลื่อนไหวของเครื่องได้ ทำให้เกมบน iPhone ในยุดนั้นออกมามีภาพที่สวยงามมากๆ และยังมีวิธีการเล่นที่หลากหลาย เกมดังๆ ในยุคนั้นมีหลายเกมเช่น Asphalt 4 หรือ Super Monkey Ball เป็นต้น
นอกจาก App Store แล้วยังมีการรองรับการใช้งานด้านองค์กรและเพิ่มความสามารถต่างๆ เข้ามาเพื่อให้ iPhone เป็นโทรศัพท์ที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นครับ ในเวอร์ชั่นนี้ iPhone สามารถอัพเกรดได้ฟรี แต่สำหรับ iPod touch ต้องจ่ายค่าอัพเกรด 9.99 ดอลล่าร์ครับ

iPhone OS 3.0

iphone3os-pr-1
ในเวอร์ชั่นนี้ก็ยังเรียกว่า iPhone OS อยู่ครับ เปิดให้ใช้ทั่วไปเดือนมิถุนายนปี 2009 มีการเพิ่มความสามารถต่างๆ ที่ยังขาดหายไปเช่นสามารถ copy/paste ข้อความได้แล้ว และเมื่อเขย่าก็จะเป็นการ undo ข้อความ, สามารถส่ง MMS ได้แล้ว จากเดิมที่สามารถส่ง SMS ได้เพียงอย่างเดียว, เพิ่มความสามารถในการใช้งานแอพต่างๆ ในแนวนอน, มีการเพิ่มการรองรับหูฟังบลูทูธแบบสเตอริโอ, รองรับ Push Notifications ไว้สำหรับแจ้งเตือนต่างๆ เช่นเมื่อมีคนส่งข้อความผ่าน MSN มาหาครับ, เพิ่มหน้า Spotlight Search สำหรับค้นหาสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในเครื่องของเรา, สามารถเล่นเกมแข่งกับเพื่อนผ่านทางบลูทูธได้, มีการรองรับ In App Purchase ทำให้สามารถซื้อไอเท็มหรือซื้อของย่อยๆ ในแต่ละแอพได้,  เพิ่มแอพ Voice Memos สำหรับอัดเสียงเข้ามา, มีการเพิ่มคีย์บอร์ดภาษาไทยเข้ามา ทำให้สามารถพิมไทยได้ในเวอร์ชั่นนี้ครับ และเนื่องจาก iPhone OS เวอร์ชั่นนี้มาพร้อมกันกับ iPhone 3GS จึงทำให้รับรองการถ่ายวีดีโอไปด้วยครับ ซึ่งการอัพเกรดก็ยังฟรีสำหรับ iPhone และคิดเงินสำหรับ iPod touch 4.95 ดอลล่าร์ครับ

นอกจากเวอร์ชั้นนี้จะรองรับ iPhone และ iPod touch แล้ว ช่วงต้นปี 2010 ก็ได้มีการเปิดตัว iPad อุปกรณ์ที่ปฏิวัติวงการ Tablet ซึ่งเจ้า iPad นี้ก็ได้ใช้ iPhone OS เวอร์ชั่น 3.2 ที่เป็นเวอร์ชั่นพิเศษที่ทำมาสำหรับ iPad โดยเฉพาะครับ และเป็นเวอร์ชั่นแรกด้วยที่สามารถเปลี่ยน Wallpaper ในหน้า Home Screen ได้

iOS 4

ios4-100621
หลังจากที่เปิดตัว iPad ไปได้ไม่นาน Apple ก็ได้เปิดตัว iOS 4 ซึ่งในเวอร์ชั่นนี้ได้มีการเปลี่ยนชื่อเรียกจาก iPhone OS มาเป็น iOS ครับ ซึ่งเวอร์ชั่นนี้ปล่อยให้ iPhone/iPod touch ได้ใช้ในเดือนมิถุนายนปี 2010 ครับ และเป็นครั้งแรกที่ iPod touch ไม่ต้องเสียเงินในการอัพเกรดเวอร์ชั่น หลังจากนั้นเวอร์ชั่นสำหรับ iPad จึงตามมาทีหลังในช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2010 ใน iOS 4 นี้ได้ตัดการรองรับ iPhone กับ iPod touch รุ่นแรกออกไปแล้วด้วยครับ ความสามารถที่เพิ่มเข้ามาในเวอร์ชั่นนี้เน้น 7 หัวข้อหลักๆ คือ
  • Multitasking – เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า iOS แต่เดิมมา ไม่สามารถเปิดแอพได้พร้อมกันหลายๆ แอพ เนื่องจากจะทำให้แบตหมดไว และกินทรัพยากรเครื่อง ใน iOS 4 ได้แก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการอนุญาติให้แอพบางประเภทสามารถทำงานอยู่เบื้องหลังได้ครับ เช่นฟังเพลงหรือโทรศัพท์ผ่านอินเทอเน็ตเป็นต้น เมื่อกดออกจากแอพ แอพที่ไม่อนุญาติให้ทำงานเบื้องหลังก็จะแช่แข็งตัวเอง พอกดเข้ามาใช้งาน ก็จะทำงานต่อจากเดิมทันที ซึ่งเสมือนกับว่าทำงานอยู่เบื้องหลังนั่นเอง ซึ่งใน iOS 4 ได้มีการเพิ่ม App Switcher โดยการกดปุ่ม Home 2 ครั้งเข้ามาด้วย
  • Folders – จากเดิมที่แอพที่ลงไว้จะเรียงกันไปเรื่อยๆ เป็นหน้าๆ ใน iOS 4 ได้เพิ่มการจัดแอพเป็นหมวดหมู่ใน Folder ได้แล้วครับ และตั้งชื่อให้อัตโนมัติด้วย
  • Mail – เพิ่มความสามารถในการดู Email รวมได้, เปิดไฟล์แนมที่มากับเมลล์จากแอพที่โหลดมาจากใน Store ได้ และสามารถดูเมลล์รวมตามหัวข้อได้ด้วยครับ
  • iBooks – หลังจากที่ iBooks เปิดตัวพร้อมกับ iPad ไปแล้ว คราวนี้ iBooks ก็ทำเวอร์ชั่นสำหรับ iPhone/iPod touch แล้วครับ
  • Enterprise – เพิ่มความสามารถด้านเกี่ยวกับการใช้งานในองค์กรเข้ามาครับ
  • Game Center – จากเดิมที่ iOS มีเกมเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว Game Center จะเป็นเหมือน Social Gaming Network ที่ให้เราเล่นเกมสนุกยิ่งขึ้นครับ โดย Game Center สามารถเพิ่มเพื่อน เก็บคะแนนของเรา เทียบคะแนนกับเพื่อน หรือเก็บ Achievement ได้ครับ
  • iAd – เป็นบริการโฆษณาสำหรับ iOS ที่ทำโดยทาง Apple ครับ
เนื่องจาก iOS 4 ปล่อยให้ได้ใช้พร้อมกับการเปิดตัวของ iPhone 4 ดังนั้นจึงรองรับ Facetime ที่สามารถคุยกันโดยเห็นหน้าได้ครับ นอกจากนี้ยังได้เพิ่มความสามารถต่างๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยน Wallpaper ได้, กล้องซูมภาพได้, สร้าง Playlist เพลงได้แล้ว หรือรองรับการต่อคีย์บอร์ด Bluetooth จากภายนอกได้แล้ว

iOS 5

การเปิดตัว iOS 5 ถือว่าเป็นครั้งแรกครับที่เปลี่ยนช่วงเวลาการเปิดตัวออกไป จากเดิมที่จะเปิดตัวในช่วงประมาณเดือนมีนาคม และปล่อยให้ได้ใช้จริงในช่วงเดือนมิถุนายน แต่ iOS 5 ได้เปิดตัวในงาน WWDC 2011 เมื่อเดือนมิถุนายนแทนครับ ซึ่งในงานนี้ก็เป็นงานสุดท้ายด้วยที่สตีฟจ๊อบขึ้นพูดบนเวที หลังจากที่เปิดตัวก็ได้ปล่อยให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถใช้งานได้ในช่วงเดือนตุลาคมทั้ง iPhone และ iPad แทนครับ ในเวอร์ชั่นนี้ได้ตัดการรองรับ iPhone 3G และ iPod touch Gen 2 ออกไปแล้ว ในงาน WWDC ครั้งนี้นอกจากจะเปิดตัว iOS 5 แล้ว ยังได้เปิดตัว iCloud อีกด้วยครับ
ios-5
ใน iOS 5 มีความสามารถเพิ่มเข้ามาหลายอย่างครับ ซึ่งสิ่งหลักๆ ที่เพิ่มเข้ามามีดังนี้ครับ
  • Notifications Center – ที่เป็นการรวมการแจ้งเตือนต่างๆ โดยการลากแถบแจ้งเตือนนี้ลงมาจากด้านบนครับ รวมถึงมีการแจ้งเตือนแบบใหม่ที่ไม่รบการการเล่นเกมหรือการใช้งานแอพต่างๆ ด้วยครับ     
  • iMessage – เป็นแอพสำหรับแชทกันโดยรวมความสามารถนี้เข้ากับแอพ Message เดิมครับ
  • Newsstand – หลังจากที่ Apple ได้เปิดตัว iBooks มาแล้ว Newsstand ที่เพิ่มเข้ามาก็จะเป็นที่สำหรับอ่านนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ต่างๆ ครับ
  • Twitter Intergrate – เป็นการเชื่อม account ของ Twitter เขามาใน iOS ครับ เพียงเราแค่ผูกบัญชี Twitter ของเราเข้ากับ iOS เพียงครั้งเดียวเราก็สามารถแชร์ภาพหรือข้อความจากแอพต่างๆ ได้ครับ
  • Photos – เพิ่มความสามารถในการแต่งภาพได้ และสามารถส่งภาพขึ้น iCloud ได้ด้วยครับ
  • PC Free – สิ่งที่ทำให้ iOS 5 เปลี่ยนไปจากเดิมคือไม่ต้องพึ่งคอมพิวเตอร์ในการใช้งานเหมือนกับแต่ก่อนแล้วครับ เริ่มจากการ activate เครื่องตั้งแต่ซื้อมาก็ไม่ต้องต่อคอมอีกต่อไป รวมทั้งการ backup ตัวเครื่องต่างๆ ก็สามารถทำได้ผ่าน iCloud เลย นอกจากนี้ยังสามารถอัพเดท iOS เป็นเวอร์ชั่นใหม่ๆ ได้จากตัวเครื่องเลยครับ ไม่ต้องเสียบคอมเพื่ออัพเดทอีกต่อไป
  • Wi-Fi Sync – ใน iOS 5 นี้สามารถซิงค์ไฟล์กับ iTunes ในคอมพิวเตอร์โดยผ่าน Wi-Fi ได้แล้วครับ ไม่จำเป็นต้องเสียบสายตลอดเวลา
  • Reminders – เพิ่มแอพสำหรับจดบันทึกต่างๆ สามารถแจ้งเตือนได้ด้วย
ในเวอร์ชั่นนี้เปิดตัวพร้อมกับ iPhone 4S จึงได้มีการนำความสามารถของ Siri ใส่เข้ามาด้วยครับ แต่สามารถใช้ได้เฉพาะบน iPhone 4S เท่านั้น

iOS 6

ios6press-1-uuse
iOS เวอร์ชั่นนี้เปิดตัวในงาน WWDC 2012 ครับ และได้เปิดให้ใช้ในช่วงเดือนกันยายน 2012 ครับ เวอร์ชั่นนี้ได้ตัดการรองรับ iPad 1 และ iPod touch รุ่นที่ 3 ออกไป ใน iOS เวอร์ชั่นนี้ได้มีการปรับปรุงส่วนต่างๆ ของ iOS ให้มีความสามารถเพิ่มมากขึ้นครับ ได้แก่
  • Maps – หลังจากที่ Google ทำ android ออกมา Apple จึงต้องลดการพึงพา Google โดยหันมาทำแผนที่เองครับ ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ความสวยงาม และสามารถใช้นำทางได้ (ถึงแม้ว่าในตอนแรกๆ แผนที่จะมีปัญหาอยู่บ้างเล็กน้อย)
  • Siri – มีความสามารถในการหาข้อมูลการแข่งขันกีฬา หาร้านอาหาร หาภาพยนต์ หรือสั่งเปิดแอพได้ครับ และยังสามารถใช้บน iPad 3 ได้ด้วย
  • Facebook – เพิ่มการผูกบัญชี Facebook เข้ามาใน iOS เช่นเดียวกันกับ Twitter
  • Passbook – เป็นการเก็บตั๋วและบัตรต่างๆ เข้ามาไว้ใน iPhone ครับ โดยที่เราไม่ต้องพหบัตรเยอะ ไว้ในกระเป๋าตังอีกต่อไปแล้ว
  • Shared Photo Streams – เป็นการแชร์ภาพผ่าน Photo Stream ซึ่งสามารถแขร์ให้เพื่อนๆ ของเราดูรูปได้ครับถึงแม้ว่าเพื่อนเราจะไม่มี iPhone หรือเครื่อง Mac ก็ตาม
  • Panorama Camera – มีการเพิ่มความสามารถในการถ่ายรูปแนวกว้างเข้ามาแล้วครับ
นอกจากนี้ยังมีความสามารถอื่นๆ เข้ามาอีกครับ เช่น Safari สามารถดูเว็บเต็มจอได้และมี iCloud Tab เพิ่มเข้ามา, แอพ Mail สามารถลากลงมาเพื่อ refresh ได้ หรือ Facetime ผ่าน 3G ได้แล้วเป็นต้นครับ

iOS 7

apple-ios7-ui
หลังจากที่ iOS 6 เป็น iOS รุ่นสุดท้ายที่ Scott Fostall เป็นคนคุม เมื่อเปลี่ยนผู้ดูแลงานด้านการออกแบบมาเป็น Jonathan Ive ผู้ซึ่งเคยออกแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Apple มา ไม่ว่าจะเป็น iMac iPod หรือ iPhone จึงมีการปรับเปลี่ยนการออกแบบทั้งหมดใหม่ จากเดิมที่ iOS จะเน้นการออกแบบในแนววัตถุเสมือนจริง พอมา iOS 7 นี้ได้มีการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดมาเป็นในแนวของ Flat Design แทนครับ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกันในสมัยปัจจุบัน ซึ่งถ้านับจากวันที่ Scott fostall ลงจากตำแหน่ง จนถึงวันที่เปิดตัว iOS 7 ที่งาน WWDC 2013 ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ มีเวลาเพียงแค่ 7 เดือนเท่านั้นกับการรื้อการออกแบบแทบจะทุกส่วนของ iOS เลย เรียกได้ว่าเป็นงานที่โหดไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงกับมีข่าวลือที่ว่าพนักงานของ Apple ต้องทำงานเกินเวลาเพื่อที่จะทำ iOS 7 ให้เสร็จสมบูรณ์
ในเวอร์ชั่นนี้ได้ตัดการรองรับ iPhone 3GS และ iPod touch รุ่นที่ 4 ออกไปแล้วครับ และนอกจากจะมีการเปลี่ยนด้าน Design ทั้งหมดแล้วยังมีการเพิ่มความสามารถใหม่ๆ เข้ามาอีกด้วยครับไม่ว่าจะเป็น Control Center, AirDrop, Notifications Center และการแจ้งเตือนแบบใหม่, Folder มีหน้าให้เลือก, มี iTunes Radio เข้ามา, แอพ Photos แบบใหม่ หรือไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายรูปใส่ฟิลเตอร์ได้ ซึ่งสามารถอ่านสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใน iOS 7 อย่างละเอียดได้จากรีวิวของเราทั้งตอนที่ 1 และตอนจบ ได้เลยครับ 
โดย iOS 7 นี้จะปล่อยให้ผู้ใช้ทั่วไปได้ใช้กันในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมที่จะถึงครับ
 ภาพจาก iClarified.com
ที่มา http://iphonesociety.com
SHARE